9 responses to “รัฐอิเล็กทรอนิกส์: ลิขสิทธิ์และการอนุรักษ์์ข้อมูล

  1. ผมมองว่า การมองในมุมของ CC คือการเปิดเผย ซึ่งปกติแล้วจะมองคนสวนทางกันกับเรื่องลิขสิทธิ์ครับ

    เนื้อหาและภาพบน pm.go.th และ flickr นั้นทีมงานผู้ผลิต สนับสนุนให้เกิดการเปิดเผยผลงานของรัฐบาลอย่างเต็มที่ จึงเลือกใช้ CC เพื่อประโยชน์ของผู้ใช้ ซึ่งเป็นประชาชน เหมือนกับทีมงานเช่นกัน

    การเลือกเทคโนโลยี และ website ที่ใช้ อาจมองในมุมการเลือกปฏิบัติได้ แต่เรามองที่ความเหมาะสมกับงบประมาณกับประสิทธิภาพ และสะดวกของผู้ใช้เป็นหลัก และทีมงานมีแผนรองรับกรณีวิกฤตต่างๆ แล้วเช่นกัน

    สำหรับในเรื่องรูปภาพ และรายการ “นายกตอบคำถาม” นั้น หากมีใครเห็นว่าถูกกีดกัน หรือได้รับสิทธิ์ไม่เท่าเทียมกัน ขอให้แจ้งมาที่ทีมงานได้ครับ (หรือเมล์ผมก็ได้)

  2. อาจต้องบอกให้ทราบโดยตรงก่อนว่า ผมเชื่อว่าจริง ๆ แล้วโดยทางปฏิบัติ CC และ Flickr นั้นก็เหมาะสม ผมเองก็เห็นด้วยและสนับสนุน (อาจเป็นเพราะผมเองก็เห็นด้วยกับการเปิดเผยและเป็นผู้ใช้ Flickr) เพียงแต่อยากตั้งข้อสังเกตุ เผื่อสามารถที่จะนำไปใช้คิดต่อ หรือพัฒนางานต่อไปครับ

  3. 1) กล้า: CC ไม่ได้สวนทางกับลิขสิทธิ์นะ ถ้างานไม่มีลิขสิทธิ์ ก็มี CC ไม่ได้ – ทั้งสองอย่างไปในทางเดียวกัน

    2) iTeau: เห็นด้วยครับ ตาม (1) ถ้างานไม่ถูกคุ้มครองโดยกฎหมายลิขสิทธิ์ (เป็นสมบัติสาธารณะ) ก็มีสัญญาอนุญาตไม่ได้ ไม่ว่าจะ CC หรือสัญญาอนุญาตแบบใดก็ตาม

    3) ประเด็นลิขสิทธิ์ ความเห็นของผมคือ รูปภาพใน Flickr รายการนายกตอบคำถาม และบทความในบล็อกใน pm.go.th เป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ เนื่องจากเป็นงานอันมีลักษณะศิลปะหรือวรรณกรรม เช่น บทรายการ

    4) ส่วนพอมีลิขสิทธิ์แล้ว ใครจะเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์ – โดยทั่วไป ในสัญญาว่าจ้างต่าง ๆ หากไม่ได้ระบุเป็นลายลักษณ์อักษรไว้เป็นอย่างอื่น ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ว่าจ้าง ซึ่งก็สอดคล้องกับมาตรา 14 ที่ iTeau ได้ตั้งข้อสังเกต:

    “มาตรา 14 (ลิขสิทธิ์ในงานที่หน่วยงานของรัฐจ้างให้ทำ)
    กระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่นย่อมมีลิขสิทธิ์ในงานที่ได้ สร้างสรรค์ขึ้นโดยการจ้างหรือตามคำสั่งหรือในความควบคุมของตน เว้นแต่จะได้ตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่นเป็นลายลักษณ์อักษร”

    5) ประเด็นการอนุรักษ์ข้อมูล ผมว่าเป็นประเด็นที่น่าสนใจและจำเป็นต้องคิดหาทางต่อไป ถ้าอยากจะพัฒนาให้ pm.go.th/thaigov ให้เป็นเว็บไซต์ประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างต่อเนื่องต่อไป ไม่ใช่เป็นเพียงเว็บไซต์ชั่วครู่ชั่วยาม (ซึ่งมีเยอะแยะเต็มไปหมดตอนนี้)

    6) ประเด็นเรื่อง ความเห็นท้ายภาพ ถือเป็นส่วนหนึ่งของข้อมูลที่ต้องจัดเก็บหรือไม่ ก็น่าสนใจ ถ้าถือว่า ภาพดังกล่าวเป็นภาพนายกรัฐมนตรี และการส่งความเห็นนั้นเป็นการสื่อสารกับนายกรัฐมนตรี – กรณีนี้ถ้าเป็นในสหรัฐอเมริกา จะถือว่าเข้าข่ายการสื่อสารตาม Presidential Records Act หรือไม่ – สำหรับกรณีประเทศไทย จะเทียบเคียงกับกฎหมายข้อใดได้บ้าง?

    full disclosure:
    * ผมทำงานให้กับ บริษัท โอเพ่นดรีม ซึ่งพัฒนาตัว web engine (ฐานบน Drupal) ของ pm.go.th
    * อย่างไรก็ตาม เนื่องจากผมไม่ทราบรายละเอียดสัญญาว่าจ้างในส่วนของเนื้อหาซึ่งรวมถึงรูปภาพ ข้อสังเกตต่าง ๆ ข้างต้นจึงเป็นเพียงความคิดเห็นทั่วไป อ้างอิงตามกฎหมายลิขสิทธิ์และลักษณะสัญญาจ้างปกติ ซึ่งสัญญาจ้างจริง ๆ ในกรณีนี้อาจมีรายละเอียดปลีกย่อยและข้อยกเว้นต่างไปครับ

  4. ประเด็นเชื่อมโยงกับเรื่อง พรบ.ข้อมูลข่าวสารของทางราชการ พ.ศ. 2540 มาตรา 26 เรื่องการจัดเก็บเอกสารราชการ ที่ iTeau ตั้งข้อสังเกตไว้
    ผมคิดว่าเรื่องนี้จำเป็นต้องได้รับการเอาใจใส่มากกว่านี้จริง ๆ ในกระแส “Digital Thailand” + “Go Green” ณ เวลานี้ ที่พยายามจะลดการใช้เอกสารกระดาษ ไปใช้เอกสารอิเล็กทรอนิกส์กันมากขึ้น แต่ตัวระเบียบและระบบในการจัดเก็บเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ยังไม่ได้รับการพัฒนา

    ตัวผมเคยมีประสบการณ์ขอดูเอกสารซึ่งรวมถึงอีเมลติดต่องานราชการของหน่วยงานรัฐแห่งหนึ่ง โดยใช้สิทธิตามพ.ร.บ.ดังกล่าว และคณะอนุกรรมการข้อมูลข่าวสารฯที่รับผิดชอบ วินิจฉัยมีคำสั่งให้หน่วยงานดังกล่าวเปิดเผยข้อมูลที่ร้องขอ แต่คณะอนุกรรมการฯได้รับคำตอบจากหน่วยงานดังกล่าวว่า ได้ลบอีเมลดังกล่าวทิ้งไปแล้วและไม่สามารถกู้คืนได้ จึงไม่สามารถเปิดเผยได้ :(

    ตามนี้แล้ว ถ้าเรื่องการอนุรักษ์ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ยังไม่รับการพัฒนา ยิ่งเรา โกดิจิทัลมากเท่าไหร่ ก็อาจจะยิ่งโปร่งใสตรวจสอบได้น้อยลงเท่านั้น :(

  5. bact’

    บ้านเรา ผมว่าไม่น่าจะมีกฏหมายที่สามารถเทียบเคียง Presidential Records Act นะครับ เอาแค่ Record Management ยังอ้างอิงกันลำบากเลยครับ ผมได้ข่าวว่ามีการพยายามผลักดัน พรบ.จดหมายเหตุ แต่เท่าที่ผมอ่านเจตนาของ พรบ. ก็ไม่ใช่ประเด็นที่เราพูดถึงกันอยู่ตอนนี้เสียทีเดียว แต่น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นได้

    ที่ bact’ พูดถึงเรื่อง อีเมล์ในบริบทการอนุรักษ์ข้อมูลก็น่าสนใจครับ อีเมล์เป็นเรื่องที่ซับซ้อนครับ เพราะอีเมล์ไม่เหมือนกับคำสั่ง ประกาศ หรือหนังสือของทางราชการทั่วไป ไม่ได้มีการควบคุม ใครจะใครส่ง ส่ง แล้วเนื้อหาของอีเมล์ก็กระจัดกระจาย บางคนใช้อีเมล์ที่ทำงานกับเรื่องส่่วนตัว โดยหารู้ไม่ว่ามันอาจกลายเป็นเอกสารราชการไปแล้ว (แต่อาจจะต้องดูประเด็นที่เกี่ยวข้องใน พรบ.ข้อมูลส่วนบุคคล อันใหม่เพิ่มเติม ซึ่งผมก็ยังไม่ได้ดูเลยครับ)

    ปัญหาการเก็บอนุรักษ์ข้อมูลเป็นเรื่องสำคัญมาก นอกเหนือจากบริบทบริหารจัดการประเทศแล้ว (สร้างความโปร่งใสให้กับองค์กรแล้ว) ยังรวมไปถึงบริบทต่อการวิจัยด้วย โดยเฉพาะการวิจัยเชิงประวัติศาสตร์

  6. ความพยายามที่จะให้ใช้ mail.go.th ก็น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นในเรื่องการจัดเก็บได้
    แต่คงต้องพัฒนาจากตรงนั้นอีก เพราะถ้าดูจากเจตนาในการริเริ่มแล้ว
    http://mail.go.th/?action=minis
    น่าจะมาจากมุมมองของก ความลับ/มั่นคง/ปกปิด มากกว่า ตรวจสอบ/วิจัย/เปิดเผย
    เช่นเดียวกับตัวร่างพ.ร.บ.จดหมายเหตุแห่งชาติ

  7. ผมพบว่าตัวต้นฉบับ ร่างพ.ร.บ.จดหมายเหตุแห่งชาติ ที่ค้นเจอในเน็ต อ่านลำบากมาก
    เลยเอามาทำเป็น PDF ขออนุญาตฝากลิงก์ไว้ที่นี่ เผื่อมีผู้สนใจนะครับ
    http://thainetizen.org/node/704

  8. ไม่เคยทราบเรื่อง mail.go.th มาก่อน น่าสนใจทีเดียวครับ เห็นด้วยที่ว่าทำให้หน่วยงานของรัฐควบคุม “ความเป็นราชการ” ของเอกสารได้โดยตรง นั่นหมายความว่า ถ้าหากจะพัฒนาให้เกิดการเปิดเผยมากขึ้น ก็น่าจะลำบากน้อยลง

    ประเด็นก็คือ กระบวนทัศน์ของการเปิดเผยของเอกสารราชการ มันเป็นแบบปิดมาก่อนเปิด ซึ่ง practical มากกว่าในมุมมองเอกสารแบบเดิม แต่เมื่อเป็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์/ออนไลน์ กระบวนทัศน์แบบ “เปิดมาก่อนปิด” มีความเป็นไปได้มากขึ้น แต่ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ ในเมืองไทย

    ขอบคุณมากสำหรับ link ของ ร่าง พ.ร.บ. ผมเคยคิดว่าจะเขียนถึงเมื่อนานมาแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสเสียที มีหลายประเด็นที่น่าจับตามองเหมือนกัน

  9. สวัสดี iTeau แวะเข้ามาอ่าน ไม่ได้เข้ามาอ่านนานแล้วเหมือนกันนะ เป็นไงบ้างสบายดีนะ อากาศหนาวดีไหมละ แล้วจะเรียนจบเมื่อใดละ

    เรื่องเอกสารบ้านเรามีปัญหามากมาย นี่ก็พยายามทำของที่ทำงานอยู่ ในส่วนกระดาษมีแววว่าจะดี แต่ ในส่วนดิจิทัลยังมีไม่ค่อยแน่ใจ ยังมึนๆ หาทางออกให้ไม่ได้เลย พรบ.ที่รองรับมีแล้ว ไม่รู้ว่าประเด็นนี้ในกระบวนการของศาลยอมรับได้มากน้อยเพียงใด แต่อย่าลืมว่าเทคโนโลยีปรับเปลี่ยนเสมอ แล้วต้องใช้เครื่องอ่าน แล้วถ้าวันใดไม่มีพลังงานไฟฟ้าให้ใช้จะทำกันอย่างไรต่อไป คงต้องให้อนาคตตัดสินด้วย

ใส่ความเห็น

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Twitter picture

You are commenting using your Twitter account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s