คุณคนทำงานห้องสมุด มาถามผมใน post เรื่อง ความคลุมเครือของมาตรฐานห้องสมุด เกี่ยวกับมาตรฐานห้องสมุดสถาบันอุดมศึกษา เขียนไปซักพัก เริ่มยาวอีกแล้ว ก็เลยขอมาตอบเป็น post ใหม่นี้เลยละกัน เผื่อจะได้เป็นการแลกเปลี่ยนกับคนอื่น ๆ ไปในตัวนะครับ
ก่อนเหนืออื่นใด ผมต้องออกตัวก่อนเลยว่า ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านมาตรฐานหรือแนวปฏิบัติ (guideline) สำหรับห้องสมุด (ต่อจากนี้ไปใน post นี้ ขออนุญาตไม่ใช่คำว่า “มาตรฐาน” นะครับ เพราะส่วนตัว สิ่งที่ผมกำลังจะอธิบายต่อไปนี้ ผมไม่อยากเรียกมันว่า “มาตรฐาน” ถึงแม้ว่า มันจะถูกนำมาใช้กันไปเรื่อยเปื่อยมานานแล้ว)
แน่นอนว่า ถ้าจะเริ่มต้นหาข้อมูลด้านนี้ ก็ต้องไปตามพวกสมาคมห้องสมุดต่าง ๆ แน่นอน ด้วยข้อจำกัดด้านภาษา ทำให้ผมสามารถแนะนำได้เพียง ไม่กี่ประเทศ ซึ่งก็ได้แก่ ACRL (Association of College and Research Libraries ซึ่งเป็นสมาคมลูกของ ALA อีกทีหนึ่ง) ในอเมริกา,CILIP (Chartered Institute of Library and Information Professionals) ของอังกฤษ และสุดท้ายก็ ALIA (Australian Library and Information Association)
ถ้าหากเข้าไปใน ACRL จะเห็นได้ว่าเค้ามีเอกสารเกี่ยวกับแนวปฏิบัติยิบย่อยเต็มไปหมด แต่อันที่น่าจะใกล้เคียงกับความต้องการของคุณ คนทำงานห้องสมุดมากที่สุด ก็น่าจะเป็นสองอันนี้
- Standards for Libraries in Higher Education
- Guidelines for University Library Services to Undergraduate Students
เท่าที่อ่านดูจากเอกสารทั้งสองชิ้น ก็จะเห็นว่า เค้าก็ไม่ได้เขียนชี้ชัดว่าจะต้องใช้พื้นที่หรือทรัพยากรเท่าไหร่ เพียงแต่บอกว่า จะต้องใช้ปัจจัยหรือเกณฑ์ในด้านใดบ้างในการพิจารณา ซึ่งส่วนที่น่าพิจารณาเป็นพิเศษ คือ การใช้ในลักษณะคล้าย ๆ กับ benchmarking คือ ห้องสมุดจะต้องหา peer libraries (ห้องสมุดอื่น ๆ ที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน) แล้วก็นำมาเปรียบเทียบ ซึ่งข้อนี้ี่ ถ้ามองในเชิงกลยุทธ์ เราก็จะเห็นกลาย ๆ ว่า เป็นการพยายามสร้างสภาพของการแข่งขันให้เกิดขึ้น เพื่อส่งผลให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไม่เช่นนั้นแล้ว พอห้องสมุดไหน ผ่านเกณฑ์แล้ว ก็จะได้แต่ย่ำอยู่กับที่
สำหรับในอังกฤษ CILIP เค้าก็มีการพูดถึง Higher education provision in further education institutions ไว้เช่นเดียวกัน แต่ถ้าจะเป็นเรื่องแนวปฏิบัติที่ชัดเจน ก็คงต้องไปดูที่ เอกสารเรื่อง indicators of good practice ของเค้าดู จะเห็นได้ว่า การพิจารณาแนวปฏิบัติของเค้านั้นก็เป็น self-assessment ซึ่งข้อดีก็คือ การมองตัวเราเองให้ถ่องแท้ ดังนั้นเค้าไม่เน้นเรื่อง การเปรียบเทียบเรื่อง space เท่าไหร่ แต่จะเน้นหนักไปมากด้าน collection และการบริหารจัดการ แนะนำให้ดาวน์โหลด checklist ไปพิจารณากันดู เป็น checklist ที่ดูเหมือนง่าย แต่ตอบยากเหมือนกัน เพราะบางข้อก็เป็นคำถามที่กว้างมาก แต่ให้ตอบแบบผ่ากลางไปเลยว่า ใช่หรือไม่ใช่
ส่วนใน Australia ผมก็ลองเข้าไปหาในเว็บไซต์ของ ALIA แล้ว ก็ไม่พบเอกสารที่เกี่ยวข้องกับ ห้องสมุดสถาบันอุดมศึกษา อาจจะเป็นไปได้ว่าผมหาไม่ดี หรือเค้าไม่มีจริง ๆ อันนี้ก็ไม่ทราบได้
ขอนอกเรื่องอีกนิดนึง ถ้าโดยทั่วไป ผมอยากจะแนะนำให้คนที่สนใจเรื่อง “มาตรฐานห้องสมุด” ผมอยากให้เข้าไปอ่าน งานด้าน “มาตรฐาน” ของหอสมุดแห่งชาติออสเตรเลีย ดูครับ หลายคนอาจจะเข้าใจมากขึ้นว่า คำว่า มาตรฐาน แบบ concrete ของผม นั้นเป็นยังไง
ถ้าพอจะเก่งภาษาอื่น นอกเหนือจากภาษาอังกฤษ (และภาษาไทย) แล้วเนี่ย ผมก็คิดว่าน่าจะลองไปตามสมาคมห้องสมุดของแต่ละประเทศดูครับ น่าจะมีตัวอย่างที่น่าสนใจพอสมควร
หรือไม่เช่นนั้น ผมก็คงจะแนะนำให้ลองหาบทความในวารสารวิชากา รหรือ รายงานการประชุมทางวิชาการดู (โดยเฉพาะใน IFLA) เพราะมีคนที่สนใจศึกษาเกี่ยวกับ มาตรฐานห้องสมุดของแต่ละประเทศ ในเชิงเปรียบเทียบ อยู่พอสมควร
นอกจากการอ้างอิงมาตรฐานแล้ว ผมก็อยากจะแนะนำ ให้อ่านหนังสือเกี่ยวกับการออกแบบห้องสมุด มีที่อยากแนะนำอยู่เล่มหนึ่ง ผมเคยใช้อ้างอิงสมัยอยู่ที่ TCDC ผมเองก็จำชื่อเรื่องก็ไม่ได้ จำได้อยู่อย่างเดียว คือ หน้าปกสีเขียว เล่มหนามาก (นี่แหละครับ นักอ่านตัวจริง อ่านแล้วจำชื่อหนังสือไม่ได้ -_-” ) เอาไว้เดี๋ยวผมจะลองถามคนที่ TCDC ให้อีกที แล้วจะมาบอกกล่าวให้ทราบนะครับ
อย่างไรก็ตาม ที่เขียนถึงมาทั้งหมดนี้ เป็นเพียงการตอบข้อสงสัย ของคุณคนทำงานห้องสมุดเท่านั้นนะครับ ไม่ได้หมายความว่า ผมบอกว่าแนวปฏิบัติของห้องสมุดในต่างประเทศจะดี หรือควรนำไปเป็นแบบอย่างแต่อย่างใด เพราะสำคัญมันอยู่ที่ คนใช้/ลูกค้า เจ้านาย และคนทำงานอย่างเรา ๆ เองนั้นแล จะเป็นคนตัดสินใจสุดท้าย ว่าอะไรเหมาะสม หรือไม่เหมาะสม
จริงมั๊ยครับ เจ้านาย…
ใส่ความเห็น